ตำนานและประวัติศาสตร์กำเนิดพระพิฆเนศพระคเณศหรือชาวไทยนิยมเรียกว่าพระพิฆเนศนั้นทรงเป็น หนึ่งในเทพเจ้าฮินดูที่ได้รับการเคารพบูชาอย่างแพร่หลายด้วยพระลักษณะที่โดดเด่นจากเทพเจ้าองค์อื่นๆคือมีพระเศียรเป็นช้าง และมีสรีระเหมือนอย่างกับมนุษย์ มี4กร พระองค์ทรงประทับบนหนู หนูเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาดและความเฉลียวฉลาด ลักษณะร่าเริงเหมือนเด็ก พระคเณศนั้นเป็นที่เคารพกันโดยทั่วไปในฐานะของเทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรค เป็นองค์อุปถัมภ์แห่งศิลปะวิทยาการและศาสตร์ทั้งปวง อีกทั้งยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งความเฉลียวฉลาดและปัญญา ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งการเริ่มต้น ในบทสวดบูชาต่างๆก่อนที่จะเริ่มพิธีการหรือกิจกรรมใดๆก็จะเปล่งพระนามของพระองค์ก่อนเสมอ
กำเนิดของพระพิฆเนศนั้นในคัมภีร์ต่างๆกล่าวไว้ต่างกันดังนี้
กำเนิดพระพิฆเนศจากคำภีร์ศิวะปุราณะ รุทรสังหิตาที่2 ส่วนที่4 กุมารขันธะอัธายะที่ 13 ถึง 20
กล่าวเอาไว้ดังนี้ขณะที่พระนางประวัติรีหรือพระแม่อุมานะ ชายาของพระศิวะกำลังสรงน้ำอยู่ พระศิวะได้เสด็จมายังที่ประทับของพระนางพระนางทรงเห็นว่าพระศิวะเสด็จมาในเวลาอันไม่สมควรจึงทรงคิดที่จะสร้างคนรับใช้ไว้คอยเฝ้าดูแลทุกขณะเมื่อคิดดังนี้พระนางก็ได้ใช้ขี้ไคลจากสรีระของพระนาง สร้างบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความงามและลักษณะที่ดีทุกประการขึ้นมารูปหนึ่ง เมื่อสร้างขึ้นมาแล้วพระนางก็ถือว่าเป็นโอรสของพระองค์ มอบเครื่องประดับต่างๆให้แก่กุมารนั้น และมอบของวิเศษให้เป็นอาวุธ จากนั้นได้สั่งให้ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตู ห้ามใครเข้าไปพบพระนางโดยเด็ดขาดหากพระนางไม่อนุญาต
ต่อมาเมื่อพระศิวะเสด็จมาถึงแล้วปรารถนาที่จะเสด็จเข้าไปในขณะที่พระนางปารวตีรีกำลังสรงน้ำอยู่กุมารโอรสของพระนางปารวตีไม่รู้จักพระศิวะเป็นใคร จึงขับไล่พระศิวะให้ไปจากที่นั่น พระศิวะโกรธมากจึงสั่งให้พวกคณะบริวารของพระองค์สอบถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เมื่อพวกขณะถามก็ได้รับความเป็นมาทั้งหมด แม้พวกคณะจะขอให้เด็กไปจากประตูเด็กกุมารนั้นก็ไม่ยอม แถมยังขับไล่พวกคณะบริวารออกไป คณะบริวารจึงกลับไปทูลพระศิวะพระองค์ทรงพระพิโรธจึงทรงบัญชาให้พวกคณะใช้กำลังขับไล่กุมารเด็กนั้นไป เสียงที่พระโอรสของพระนางปารวตีและพวกคณะโต้เถียงท้าทายกันดังไปถึงพระกรรณของพระนางปตรี พระนางจึงสั่งให้บริวารไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้สั่งให้รถของพระนางป้องกันไม่ให้พวกคณะและพระศิวะเข้าไปข้างในจนสุดความสามารถ จากที่การเจรจาโดยสันติไม่เป็นผลการต่อสู้ระหว่างพวกคณะและโอรสของพระนางปารวตีจึงเกิดขึ้น แต่พวกคณะของพระศิวะสู้ไม่ได้จึงกลับไปหาพระศิวะ พระศิวะโกรธมากจึงทรงบัญชาให้พวกเทวดาที่มีพระอินทร์เป็นหัวหน้าและมีพระพระสกันทะเป็นแม่ทัพของพวกเทวดา ให้ไปสู้รบกับโอรสของพระนางปารวตีรีเมื่อพระนางเห็นดังนั้นจึงได้สร้างสติคือสตรีเทพที่มีพลังอำนาจขึ้นมา สององค์เป็นผู้ช่วยโอรสของพระนาง เหล่าเทวดาและพวกขณะบริวารไม่สามารถที่จะเอาชนะโอรสของพระนางได้ต่างพากันหนีกระเจิงและได้ไปขอให้พระศิวะสังหารโอรสของพระนางเพื่อเป็นการกู้หน้าให้พวกเทวดาและพวกขณะบริวารไว้
ต่อมาพระศิวะขอความร่วมมือจากพระวิษณุเพื่อช่วยในการสั่งหารโอรสของพระนางปตรีพระวิษณุต้องใช้กลลวง ในที่สุดพระศิวะก็สามารถใช้ตรีศูลตัดเศียรบุตรของพระนางปตรีได้สำเร็จ เมื่อเห็นบุตรถูกสังหารพระนางทรงพระพิโรธเป็นที่สุด จึงได้สร้างสตรีขึ้นมานับร้อยองค์เพื่อมาสังหารพวกเทวดาและพวกขณะบริวารของพระศิวะ จนทำให้เหล่าเทวดาเกิดความรู้สึกว่าพระนางปตรีกำลังจะทำให้เกิดความบรรลัยขึ้น จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดีโดยได้ลงความเห็นว่าต้องทำให้พระนางหายพิโรธ จากนั้นพระศิวะจึงบัญชาให้พวกเทวดาเดินทางไปทางทิศเหนือเมื่อพบบุคคลแรกก็ให้ตัดศีรษะของบุคคลนั้นมาเพื่อสวมแขนศีรษะให้บุตรพระนางปารวตีรี พวกเทวดาทำตามบัญชาแต่เมื่อเดินทางไปถึงทางทิศเหนือได้พบช้างงาเดียวจึงตัดศีรษะของช้างนั้นมาสวมแทนให้บุตรของพระนางปารวตีรี จากนั้นพระศิวะก็ได้ชุบชีวิตคืนให้ไหม่
เรื่องทั้งหมดจึงได้ยุติลงพระศิวะได้รับโอรสของพระนางประวัติรีเป็นรถของพระองค์ด้วย และประทานพรให้เป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวงและให้เป็นเทพที่ต้องได้รับการบูชาก่อนเทพเจ้าองค์อื่นๆ ถ้าหากบูชาเทพองค์อื่นก่อนพระคเณศไม่ว่าในพิธีใดๆพิธีนั้นๆจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น นี่คือเรื่องราวกำเนิดพระพิฆเนศจากคัมภีร์ศิวะปุราณะซึ่งเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง
กำเนิดพระพิฆเนศจากคำภีร์ลิงคปุราณะ
สืบเนื่องจากพวกเทวดาเดือดร้อนเพราะพวกอสูรทำการบูชาบวงสรวงสังเวยต่อพระศิวะจนได้รับพรจากพระองค์ และพวกอสูรนั้นก็ได้พากันสร้างความเดือดร้อนไปทั่วจากพรที่ได้รับ พวกเทวดาจึงพากันไปเฝ้าพระศิวะที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่าเอาวิมุกตะที่เมืองภาษี เพื่อขอให้พระศิวะนั้นสร้างอุปสรรคขัดขวางพวกอสูรไม่ได้ทำพิธีบูชาบวงสรวงสังเวยสำเร็จ พระศิวะจึงสนองตอบรับคำขอของเหล่าเทพนั้นพระองค์ได้แบ่งร่างเข้าไปในครรภ์ของพระนางปารวตีรีหรือพระแม่อุมาแล้วถือกำเนิดขึ้นมา พวกคณะบริวารของพระศิวะและเหล่าทวยเทพต่างๆพากันสรรเสริญ พระนางปารวตีรีเองก็ชื่นชมกับบุตรที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีพระเศียรเป็นช้างเรียกว่าคชานนท์
จากนั้นเทพที่มีพระเศียรเป็นช้างที่เกิดขึ้นมาจากพระศิวะและพระแม่ปารวตีรีได้เต้นรำ พระศิวะได้อุ้มเทพที่เกิดขึ้นใหม่ได้สั่งพระองค์ให้สร้างอุปสรรคขัดขวางความสำเร็จของผู้ที่ทำพิธี โดยไม่ได้ทักษิณาแก่พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีการบวงสรวงสังเวยต่อเทพ ให้ถืออารมณ์ปราณของผู้ที่ประกอบพิธีอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาพระเวทและคัมภีร์เกี่ยวเนื่องกับพระเวศหรือลมปราณของผู้ที่ประพฤติผิด เป็นผลให้พ้นจากวรรณะของตนและพระศิวะให้พรว่า แม้ใครก็ตามจะทำพิธีไหว้พระศิวะพระนารายณ์และพระพรหมก็จะต้องบูชาพระคเณศอ่อน
ไม่ว่าจะประกอบพิธีใดก็ตามที่กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวทและคัมภีร์สัมฤติ ถ้าหากประกอบพิธีโดยไม่ได้บูชาพระพิฆเนศก่อนพิธีนั้นจะกลายเป็นพิธีที่ไม่เป็นมงคล พระคเณศจะต้องได้รับการบูชาก่อนเทพองค์อื่นๆโดยคนในวรรณะพราหมณ์กษัตริย์แพศย์ตและวรรณะสูตร ถ้าใครไม่บูชาพระพิฆเนศก่อนเทพองค์อื่นๆก็ขอให้พระคเณศสร้างอุปสรรคขัดขวางกิจการของคนเหล่านั้นแม้ว่าผู้นั้นจะเป็นพระศิวะพระวิษณุหรือพระพรหมก็ตามจากนั้นพระพิฆเนศได้สร้างวิคนนะคะนะก็คือคณะเทพที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านอุปสรรคขึ้นมาตั้งแต่นั้นพระคเณศจึงได้รับการบูชาจากคนทั่วไปและเป็นที่คอยขัดขวางพวกอสูรไม่ประกอบพิธีกรรมสำเร็จ
กำเนิดพระพิฆเนศจากคำภีร์สกันทะปุราณะ
พระนางปารวตีรีชายาของพระศิวะขัดถูพระวรกายด้วยเครื่องประเทืองผิวและทรงปั้นชายหนุ่มรูปงามขึ้นมาจากเครื่องประเทืองผิวที่ขัดถูออกมาพระองค์ทำให้รูปปั้นนั้นมีชีวิตขึ้นมาเทพกุมารหนุ่มได้ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า จะให้หม่อมฉันทำสิ่งใดโปรดบัญชามา พระนางก็ตรัสว่าขณะที่เราอาบน้ำเจ้าต้องไปเฝ้าอยู่ที่ประตูห้ามใครเข้าไปโดยเด็ดขาดและในตอนนั้นเองพระศิวะเสด็จมาพอดีและต้องการจะเข้าไปข้างใน กุมารหนุ่มที่เฝ้าอยู่ประตูห้ามพระศิวะไม่พระศิวะเข้าไป พระศิวะจึงพิโรธดังนั้นจึงเกิดการตู้สู้กันขึ้น เทพกุมารใช้กระบองตีไปที่พระนลาฏของพระศิวะ พระศิวะจึงใช้ตรีศูลตัดเศียรขาดกระเด็นไป เมื่อพระนางปตรีเห็นบุตรที่พระองค์สร้างขึ้นมาสิ้นชีวิตก็ทรงกันแสง
ฝ่ายพระศิวะไม่รู้ว่าพระองค์ได้ทำอะไรผิดและในขณะนั้นพระศิวะเห็นคชา หรือช้างอยู่ตรงนั้นพอดี จึงตัดสินใจตัดศีรษะไปสวมให้กับร่างที่ไร้เศียรของกุมารนั้น จนฟื้นและลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างพระศิวะที่แวดล้อมไปด้วยพวกคณะบริวารของพระศิวะ พระองค์จึงขนานนามให้ว่าคชานนท์แปลว่ามีหน้าเป็นช้าง นี่ก็คืออีกตำนานหนึ่ง
กำเนิดพระพิฆเนศจากคำภีร์สกันทะปุราณวราหะปุราณะ
พวกเทพฤาษีมุนีทำสิ่งดีงามต่างๆเพื่อหวังผลบางอย่างแต่ปรากฏว่าการกระทำของพวกเขากลับพบกับอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ประสบความสำเร็จ แต่ตรงกันข้ามกับการกระทำของคนชั่วกลับประสบความสำเร็จไม่มีอุปสรรคใดเลยมาขัดขวางพวกเขา เทพฤาษีมุนีจึงคิดค้นกันหาวิธีที่จะสร้างอุปสรรคให้เกิดขึ้นกับการกระทำของพวกคุณชั่ว พวกเขาจึงพากันไปเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาสเพื่อขอให้พระศิวะช่วยเหลือ และพระศิวะก็ยินดีที่จะช่วยพวกเขา พระองค์ทรงมองไปที่พระอุมาแต่เกิดความแปลกใจว่าทำไมรูปของพระองค์ไม่ปรากฏในท้องฟ้าซึ่งถือเป็นธาตุ หนึ่ง ในธาตุทั้ง 5 ในขณะที่พระธาตุอื่นๆเช่นดินน้ำลมไฟปรากฏรูปของพระองค์อยู่หมด ด้วยความแปลกใจพระองค์จึงทรงพระสรวลขึ้นก็คือกลั้นขำไม่ไหวจึงลั่นหัวเราะออกมา จากอาการหัวเราะนั่นทำให้ชายหนุ่มรูปงามปรากฏตัวขึ้นมามีรูปร่างงดงามเหมือนพระศิวะทุกประการ ทำให้พวกเทพฤาษีมุนีต่างพากันประหลาดใจไปตามๆกัน ฝ่ายพระแม่อุมามองเห็นชายหนุ่มที่งดงามก็มีใจหลงรักในชายหนุ่มนั้น
พระศิวะทรงทราบความรู้สึกของพระนางจึงพิโรธด้วยความที่มีใจโลเลของผู้หญิงพระศิวะจึงสาปให้เทพบุตรที่เกิดจากการหัวเราะของพระองค์นั้นมีหัวเป็นช้างมีพุงพลุ้ยและมีงูเป็นสายคล้องเฉลียงบ่า ด้วยความโกรธจัดจนตัวสั่นของพระศิวะเป็นผลทำให้เสียเหงื่อและเหงื่อของพระองค์หยดลงบนพื้นดิน ทำให้วินายกะจำนวนมากเกิดขึ้นวินายกะก็คือพวกที่มีหัวเป็นช้างผิวคล้ำแล้วก็ถืออาวุธชนิดต่างๆนั่นเอง พระพรหมจึงประกาศให้พวกเทวดาทราบว่าวินายกาที่เกิดขึ้นจากพระเสโทหรือเหงื่อของพระศิวะเป็นโชคที่พระศิวะประทานให้ เพราะต่อไปนี้วินัยกะเหล่านี้จะเป็นผู้สร้างอุปสรรคให้เกิดขึ้นแก่พวกอสูรและคนชั่ว
พระพรหมได้ขอให้พระศิวะตั้งวินายกะที่เกิดจากการหัวเราะของพระองค์ให้เป็นหัวหน้าของวินายกะที่เกิดจากเหงื่อของพระองค์และพระศิวะจึงได้กล่าวกับโอรสที่เกิดจากโอษฐ์ของพระองค์ว่า ขอให้เจ้ามีนามว่าวินายกะ คณกร นคเณศและภาวะบุตรและขอให้วินายกะเหล่านี้เป็นลูกน้องของเจ้าและขอให้พวกเขาสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นในกิจกรรมทุกอย่างในพิธีบูชาและถวายเครื่องบวงสรวงสังเวยแก่เทพการกระทำอื่นๆ ถ้าได้รับการบูชาก่อนพิธีนานขอให้เจ้าประทานความสำเร็จแก่คนที่บูชาเจ้าก่อน แต่ถ้าหากพวกเขาไม่บูชาเจ้าก่อนเจ้าจงสร้างอุปสรรคให้เกิดขึ้นแก่พิธีกรรมของเขา จากนั้นพระศิวะและเหล่าเทพใช้คันโททองรดน้ำอภิเษกวินัยกะที่เกิดจากพระโอษฐ์ของพระศิวะให้เป็นราชาของวินายกะที่เกิดจากเหงื่อของพระองค์
กำเนิดพระพิฆเนศที่แพร่หลายในภาคใต้ของอินเดีย
พระนางปารวตีรีขณะที่กำลังสรงน้ำเกิดความอยากจะมีโอรสทำให้เหงื่อปรากฏขึ้นบนพระวรกายของพระนาง พระนางจึงเอามือลูบเหงื่อทำให้กุมารน้อยปรากฏขึ้นในพระหัตถ์ของพระนาง พระศิวะเห็นเช่นนี้จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมากพระนางปตรีจึงถือว่าโอรสนี้เป็นบุตรของพระนาง ต่อมาพวกเหล่าเทพต่างพากันมายลโฉมพระโอรสของพระนาง และในนั้นก็มีพระเสาร์รวมอยู่ด้วย ฝ่ายพระเสาร์นั้นก็มีอำนาจพิเศษก็คือถ้ามองไปยังผู้ใดผู้นั้นจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที เพราะเสาร์จึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาดูโอรสของพระนางปตรี ฝ่ายพระนางปตรีจึงถือว่าอันนี้เป็นการดูหมิ่นโอรสของพระนางอย่างยิ่ง ดังนั้นพระเจ้าจึงจำใจจ้องมองไปที่กุมารน้อยนั้น และก็เป็นผลทำให้เซียนของพระโอรสถูกไฟไหม้เป็นเถ้าถ่าน
พระศิวะจึงสั่งให้พระเสาร์ไปตัดศีรษะสิ่งมีชีวิตที่นอนอยู่ทางทิศเหนือสัตว์ที่นอนและพบทางทิศเหนือเป็นตัวแรกนั้นก็คือช้าง ดังนั้นศีรษะช้างจึงถูกตัดมาสวมแทนที่กุมารของพระแม่ปารวตีรี
กำเนิดพระพิฆเนศจากอุตตระรามายณะ
ขณะที่พระศิวะและพระแม่ปารวตีรีได้เสด็จไปยังภูเขาหิมาลัยเห็นช้างพลายและช้างพังกำลังสืบพันธุ์กันจึงเกิดความกำหนัดมีความรู้สึกคล้อยตามการกระทำนั้นดังนั้นพระศิวะจึงแปลงรูปเป็นช้างพลายและพระแม่ประวัติตรีก็แปลงกายเป็นช้างพังทั้ง สองพระองค์มีการสมสู่กันโอรสของมหาเทพทั้งสองเมื่อคลอดออกมาจึงมีเศียรเป็นช้างเชื่อว่าคณะปติ
กำเนิดพระพิฆเนศจากตำนานอื่นๆ
หลังจากที่พระศิวะและพระแม่ปตีทรงจัดพิธีโสกันต์ให้กับพระโอรสในพิธีฤกษ์คือวันอังคารและได้จัดแจ้งเชิญเทพต่างๆทั้งหลายมาร่วมเป็นสักขีพยานแต่ยังคงขาดเพียงองค์วิษณุเทพที่ทรงอยู่ระหว่างบรรทม จนเมื่อใกล้เวลาอันเป็นมงคลพระศิวะเทพจึงส่งให้พระอินทร์นำสังข์ไปเป่าเพื่อปลุกให้พระวิษณุตื่นจากบรรทม เมื่อพระวิษณุทรงตื่นจากการบรรทมด้วยเสียงดังของสังข์ที่พระอินทร์เป่าขึ้นจึงทำให้พระวิษณุพลั้งโอษฐ์ตรัสออกไปว่าไอ้ลูกหัวขาดจะนอนให้สบายก็ไม่ได้แค่เพียงว่าจ้านี้ก็ทำให้เศียรของโอรสของพระศิวะหายไปในทันที เหล่าเทพทั้งหลายเมื่อเห็นดังนี้จึงปรึกษากันว่าวันอังคารถือเป็นฤกษ์ไม่ดีห้ามทำพิธีการมงคลใดๆทั้งมวล เมื่อพระเศียรของพระโอรสของพระศิวะเทพขาดลงพระศิวะจึงมีบัญชาให้พระวิษณุกรรมไปตัดหัวมนุษย์ที่เพิ่งสิ้นชีวิตณทิศตะวันตกและให้นำกลับมาโดยเร็ว แต่ในวันนั้นหาได้มีมนุษย์ผู้ใดสิ้นอายุขัยไม่ พระวิษณุกรรมแลเห็นเพียงช้างพลายงาเดียวเท่านั้นที่สิ้นชีวิตลงจึงตัดหัวช้างคล้ายตนนั้นกลับมาถวายพระศิวะ
และก็มีคำกล่าวอีกนะครับว่าแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ศาสนาพุทธกำลังเติบโตในอินเดียมีเรื่องเล่ากล่าวไว้ตอนนี้ว่าเมื่อเทวดานำหัวช้างมาต่อแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้พระโอรสฟื้นขึ้นมาได้พระศิวะจึงต้องให้พระวิษณุเทพไปทูลเชิญเสด็จพระศิริมานนท์อรหันต์ให้ปลดเสด็จมาสวดคาถาชินบัญชร จนทำให้พระโอรสกลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง หรือบางแห่งก็กล่าวว่าในพิธีโสกันต์นั้นพระราหูได้เตือนพระศิวะว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นซึ่งควรจะทูลเชิญสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย แต่พระศิวะเทพก็หารับฟังไม่จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีกับโอรสของพระองค์ แต่บางแห่งก็กล่าวว่าพระอังคารไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีนี้จึงมีความโกรธแค้นและได้ลอบตัดเศียรของพระโอรสไปโยนทิ้งทะเล แล้วจากนั้นเราเทพหาเสียงของพระองค์ไม่เจอเลยเอาหัวช้างมาสวมแทน
นี่ก็เป็นอีกตำนานหนึ่งที่กล่าวถึงการกำเนิดของพระพิฆเนศ เราจะเห็นได้ว่ากำเนิดและประวัติของประเภทนั้นแตกต่างกันไปตามตำนานที่ได้รจนาขึ้นในแต่ละภูมิภาคแต่ละยุคแต่ละสมัยแต่ส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกันก็คือพระพิฆเนศนั้นทรงถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะเทพเจ้าผู้ที่ขจัดอุปสรรคนั่นเอง นี่ก็คือกำเนิดของพระพิฆเนศในแง่ของตำนานนะครับ
ทีนี้เรามาดูฝั่งของประวัติศาสตร์กันบ้างว่าจะมีความเป็นมาอย่างไรก็มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับไปพิฆเนศนะครับว่าทำไมพระเศียรของพระพิฆเนศจึงต้องเป็นเศียรช้างทำไมไม่เป็นศีรษะของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่ก็ไม่มีตำนานเรื่องใดที่สามารถอธิบายเหตุการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนแต่อย่างไรก็ดีนะครับตามคำอธิบายที่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่สุดก็คือ ช้างนั้นแต่เดิมเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียสมัยโบราณ ดังจะเห็นได้จากพิธีกรรมบูชาช้างในพิธีฝังศพช้าง ซึ่งชาวอินเดียในยุคโบราณได้จัดให้อย่างยิ่งใหญ่ และด้วยความเคารพจึงมีความเห็นกันว่าด้วยความที่ช้างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชาวอินเดียยุคโบราณยกย่องให้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี่เอง จึงเป็นสาเหตุที่น่าสนใจอีกเหตุผลหนึ่งที่เศียรพระพิฆเนศนั้นเป็นช้างและไม่ว่าจะอุษาคเนย์หรืออินเดียต่างนับถือช้างมาอย่างเก่าแก่ในอินเดียนะครับการนับถือช้างนั้นเป็นคติที่มีมาก่อนศาสนาฮินดูด้วยซ้ำไป และยังมีการบวกอีกด้วยนะครับว่าชาวอินเดียประมาณ 80% พวกเขาเชื่อว่าช้างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชาวฮินดูเชื่อในการกลับชาติมาเกิดหลายคนคิดว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่ผ่านมาของพวกเขาเกิดใหม่เป็นช้าง
อาจจะชี้ให้เห็นได้ว่าเดิมพระพิฆเนศนั่นไม่ใช่เทพเจ้าของชาวอารยันเดิมในสมัยคัมภีร์พระเวท อาจารย์เชพหมี คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง บอกว่าเพราะชาวอาระยันซึ่งเป็นผู้รจนาพระเวทไม่รู้จักช้าง เพราะมาจากที่ๆไม่มีช้างได้คัมภีร์พระเวทจึงไม่มีเทพที่มีเศียรเป็นช้าง แม้จะถือกันว่าในมณฑลเล่มที่ 10 แห่งฤคเวสมีบทสวดถึงคณะปติซึ่งเป็นพระนามสำคัญของพระพิฆเนศวรแต่ในพระเวทบอกเพียงว่าพระองค์คือเทพแห่งกวีเท่านั้น ไม่มีที่ใดเลยที่บอกว่าพระองค์มีรูปร่างเป็นอย่างช้างและแม้ในภายหลังจะสวมพระนามขณะปติหรือพรมนัสปติให้กับเทพเจ้าที่มีเศียรเป็นช้างของพื้นเมืองในภายหลัง แต่กว่าพระคเณศจะกลายเป็นเทพองค์เดียวกับเทพพื้นเมืองเศียรเป็นช้างนั้น ก็รวมถึงยุคปุราณะแล้ว และกว่าจะปรากฏเทวรูปก็ล่วงมาเกือบพุทธศตวรรษที่ 9 แล้ว
A.L. Basham นักวิชาการอีกท่านก็มีความเห็นว่าการบูชาเทพช้างนั้นมีอยู่แต่เดิมแล้วในอินเดียและไม่ใช่เทพของชาวอารยันแต่เป็นเทพที่นับถือในกลุ่มชนดั้งเดิม รูปร่างที่ใหญ่โตของช้างยังเป็นแรงบันดาลใจให้มีการแปลความหมายในด้านของพลังที่ยิ่งใหญ่มาตลอดทุกยุคทุกสมัย ชาวอินเดียเดิมให้การเคารพบูชาและถือเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ในด้านพลังอำนาจความมั่นคงและการปกป้องคุ้มครอง สันนิษฐานว่าเดิมนะครับเป็นเทพพื้นเมืองอินเดียที่มีกำเนิดจากลัทธิการบูชาสัตว์
แต่เมื่อเทพองค์นี้เข้ามาเป็นเทพของศาสนาฮินดูได้กลายมาเป็นเทพที่อ่อนนุ่มลงไม่มีความรุนแรง และมีกิริยามารยาทตามแบบอารยันอยากจะให้เป็น กลายเป็นเทพที่มีอำนาจในด้านอุปสรรคได้รับการบูชาก่อนทำกิจกรรมใดๆ ขอให้กิจกรรมนั้นๆไม่มีอุปสรรค เทพพระองค์นี้สนพระทัยในเรื่องเกี่ยวกับวรรณกรรมเกี่ยวกับการศึกษา และเป็นเทพที่อุปถัมภ์นักไวยากรณ์คัมภีร์ที่คัดลอกด้วยมือหรือคัมภีร์ที่พิมพ์ มักจะเริ่มต้นด้วยบทไหว้พระพิฆเนศศรีคะเนศายะนะมะ ถวายนมัสการต่อพระคเณศ
นักวิชาการชาวอินเดียมีความเชื่อทางศาสนาบนพื้นฐานความศรัทธาและก็มีความเห็นว่าความเชื่อและการเคารพนับถือพระพิฆเนศเป็นผลมาจากการผสมกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมที่ไม่ใช่ของอารยันกับวัฒนธรรมของชาวอาระยันนั่นเอง
กำเนิดพระพิฆเนศจาตำนานพื้นเมืองของชาวทมิฬ
พระพิฆเนศนั้นเกิดขึ้นมาก่อนมหาเทพทั้งหมดเพราะช้างก็คือเจ้าป่าเป็นสัตว์พื้นถิ่นในแถบเอเชียพระพิฆเนศย่อมเป็นผู้สร้างพระพรหมพระนารายณ์หรือพระวิษณุและพระอิศวรหรือพระศิวะแต่คัมภีร์ของชาวฮินดูในยุคหลังกลับบอกว่าพระพิฆเนศเป็นบุตรของพระอิศวร ไมเคิลไรท์ผู้เชี่ยวชาญด้านทมิฬและหลังการศึกษาชี้ให้เห็นถึงประเด็นการบูชาช้างของคุณพื้นเมืองในแถบอินเดียอุษาคเนย์ว่า เป็นหนึ่งในลัทธิ Animism เดิมที่มีมานานนับหมื่นปีหน้าดังนั้นการบูชาเทพเจ้าช้างย่อมเกิดขึ้นก่อนที่จะมีศาสนาพราหมณ์ เพียงแต่ว่าภายหลังได้ถูกนำไปผนวกเป็นเทพบริวารองค์หนึ่ง เมื่อลัทธิตรีมูรติหรือการบูชามหาเทพ 3 องค์เป็นใหญ่เข้ามามีบทบาท เทพเจ้าช้างผู้ยิ่งใหญ่ของคนพื้นเมืองเชือกแรกได้ถูกจับไปเป็นพาหนะของพระอินทร์เทพผู้รักษาทิศตะวันออกตั้งชื่อให้ว่าเอราวัณหรือไอยราวัตส่วนช้างอีกเชือกก็ถูกนำมาสถาปนาไหม่ให้มีฐานะเป็นโอรสที่ชอบแต่งบทกวีของพระอิศวร
ทั้งหมดนี้เป็นการประกาศชัยชนะของชาวอารยันแท้จริงเป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนที่เข้ามารุกรานคนพื้นถิ่นให้มีเนื้อชาวทมิฬด้วยการกลืนความเชื่อเรื่องช้างของคณพื้นเมืองให้มาอยู่ภายใต้อาณัติของศาสนาพราหมณ์
นี่คือความเห็นของนักวิชาการแต่ละท่านที่มีต่อมุมมองประวัติศาสตร์การกำเนิดของพระพิฆเนศนะครับ ทีนี้ผมจะสรุปให้ฟังง่ายๆเลยก็แล้วกันนะครับว่าเดิมกลุ่มชนโบราณที่อาศัยอยู่ในบริเวณภูมิภาคอินเดียนี้เช่นพวกทราวิเดียนทมิฬหรือมิรขะที่ไม่ใช้อารยันนะครับ กลุ่มชนเหล่านี้อะได้บูชานับถือเทพเจ้าที่มีลักษณะเป็นสัตว์อยู่แล้วและช้างก็เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งเทพนั้นแสดงถึงความมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ในด้านพลังอำนาจความมั่นคงและการปกป้องคุ้มครอง
แต่ต่อมาเมื่อชาวอาระยันอพยพเข้าสู่ภูมิภาคนี้ชาวอารยันนั้นก็มีเทพเจ้าของเขาเอง ซึ่งโดยลักษณะนิสัยของพวกอารยานั้นพวกเขาเป็นพวกเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์และมีความเชี่ยวชาญในการใช้ม้า ทั้งในด้านการศึกและการใช้สอยอื่นๆต่อมาได้อพยพเข้าสู่ลุ่มน้ำสินธุก็มีการพบเจอกับสัตว์ต่างๆในภูมิภาคนี้มากมาย อย่างเช่นช้างเป็นต้นจากนั้นอาระยันจึงหัดเรียนรู้วิธีจับช้างมาใช้งาน ชาวอาระยันมีอีกวิธีคล้องช้างเป็นของตนจากนั้นก็ช้างมาใช้ประโยชน์
ส่วนในด้านความเชื่อนั้นช้างก็ได้กลายเป็นพาหนะของมหาเทพของเขาในยุคนั้น ซึ่งก็คือพระอินทร์นั่นเองและในสมัยต่อมาเทพช้างที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิมของกลุ่มชนโบราณในอินเดีย ถูกนำมาผนวกกับเทพเจ้าของชาวอาระยันเช่นในมณฑลเล่มที่ 10 แห่งฤคเวทบอกว่า ชื่อคณะปติซึ่งเป็นพระนามสำคัญของพระพิฆเนศวร แต่ในขณะนั้นบอกแต่เพียงว่าพระองค์คือเทพแห่งกวีเท่านั้นไม่ได้เป็นเทพที่มีรูปร่างเป็นช้าง และเมื่อผนวกกันกับเทพเจ้าช้างท้องถิ่นจึงทำให้เกิดการกลายมาเป็นองค์เทพที่มีเศียรเป็นช้างสรีระเป็นอย่างมนุษย์ และจากลักษณะนิสัยที่ดุดันมีพลังอำนาจความมั่นคงตามลักษณะของช้าง ก็กลายมาเป็นร่าเริงเหมือนเด็กกลายเป็นเทพที่อ่อนนุ่มลงไม่มีความรุนแรงและมีกิริยามารยาทตามแบบอาระยันอยากจะให้เป็น กลายเป็นเทพเจ้าที่มีอำนาจในด้านอุปสรรคได้รับการบูชาก่อนทำกิจกรรมอื่นใด และเป็นเทพที่สนพระทัยในเรื่องเกี่ยวกับวรรณกรรมกวีการศึกษา และเป็นโอรสของพระศิวะกับพระนางปารวตีรีซึ่งเป็นมหาเทพของศาสนาพราหมณ์ฮินดูซึ่งต่อมาก็ได้รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนามว่าพระพิฆเนศนั่นเอง
นี่ก็คือประวัติความเป็นมาของพระพิฆเนศจากการตีความของนักวิชาการต่างๆจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาอย่างน่าสนใจเดิมจากเทพเจ้าพื้นเมืองในที่สุดก็เข้าสู่มหาเทพไอยราผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาสนาพราหมณ์ฮินดู ด้วยความนับถือในพระองค์มีมากมายจนทำให้เกิดนิกายของพระองค์เองก็คือนิกายคณปัตยะ ซึ่งถือว่าพระคเณศนั้นเป็นใหญ่สูงสุดทรงเป็นพระปรมาตมันนั่นเอง.
ที่มา “กำเนิดพระพิฆเนศ” ตำนาน และ ประวัติศาสตร์
จากช่อง Youtube : THE BACKGROUND – ความเป็นมา-